พวงมาลัยรถมีผลต่อการขับขี่หรือไม่

พวงมาลัยรถเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญต่อการขับรถเพราะเป็นตัวควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของรถให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย แล้วมีอะไรเกี่ยวกับพวงมาลัยบ้างที่เราควรรู้ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ

พวงมาลัยคืออะไร?

พวงมาลัยเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในการควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของรถให้ตรงตามที่เราต้องการ ไม่ให้รถเกิดอาการส่ายไป-มาขณะขับขี่ โดยระบบพวงมาลัยมีส่วนประกอบต่างๆ ทั้งพวงมาลัย ขายึดแกนพวงมาลัย แกนพวงมาลัย หน้าแปลนพวงมาลัย ยางข้อต่อ กระปุกพวงมาลัย แขนเกียร์พวงมาลัย คันชักคันส่งกลาง คันชักคันส่งข้าง แขนดึงกลับ และกระปุกพวงมาลัย

ปัจจุบันเราใช้พวงมาลัยแบบไหนกันอยู่บ้าง?

เนื่องจากมีการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์มาไกลทำให้มีการออกแบบการใช้งานพวงมาลัยให้หลากหลายมากขึ้น แต่หากนับจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีพวงมาลัยทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่

1. แรคแอนด์พีเนียน

เป็นระบบพวงมาลัยยอดนิยมในสมัยก่อนเนื่องจากราคาไม่แพง มีระบบการบังคับเลี้ยวแบบสะพานเฟือง อาศัยการหมุนของเฟืองขนาดเล็ก จึงใช้พื้นที่น้อยและตอบสนองการขับขี่ได้ไวอีกด้วย

2. บอลล์แอนด์นัท

เป็นระบบพวงมาลัยที่ใช้ชุดวาล์วควบคุมทิศทางน้ำมันไฮดรอลิกส์แบบโรตารี อาศัยแรงหมุนพวงมาลัยจากคนขับ บวกกับความฝืดของยางรถและพื้นถนนในการบังคับทิศทางขณะขับขี่ เหมาะสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถกระบะบางรุ่น หรือรถโดยสารขนาดใหญ่ ข้อดีคือความทนทานที่มีมากกว่าแรคแอนด์พีเนียนนั่นเอง

3. พวงมาลัยเพาเวอร์

เป็นระบบพวงมาลัยที่ถูกผลิตออกมาเพื่อช่วยทดกำลังการหมุนพวงมาลัยให้ง่ายและเบาแรงกว่ารถยนต์รุ่นเก่า ทำให้ควบคุมง่ายยิ่งขึ้น แบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท ได้แก่

3.1 ระบบไฮดรอลิกแบบใช้น้ำมัน (Hydraulic Power Steering)

ทำงานด้วยการใช้ปั๊มไฮดรอลิกสร้างแรงดันไปยังกระปุกพวงมาลัยโดยใช้แรงจากเครื่องยนต์ช่วยหมุนสายพานมายังปั๊ม เพื่อให้พวงมาลัยผ่อนแรงขณะหักเลี้ยวรถ ด้วยความแม่นยำในการควบคุมทำให้เข้าโค้งง่ายขึ้น เพียงแต่ระบบนี้จะใช้น้ำมันถ่ายทอดพลังงาน อาจเกิดการรั่วซึมจากซีลหรือท่อยางเสื่อม ข้อควรระวังสำหรับพวงมาลัยแบบไฮดรอลิกคือห้ามหมุนพวงมาลัยค้างไว้นาน เพราะจะทำให้น้ำมันพวงมาลัยร้อนและเกิดแรงดันสูงจนพวงมาลัยมีปัญหา นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ระบบไฮดรอลิกแบบใช้น้ำมันให้ใช้ร่วมกับไฟฟ้าในรถบางรุ่นด้วย

3.2 ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Power Steering)

ทำงานด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสร้างกำลังเพื่อช่วยผ่อนแรงพวงมาลัย ขณะหมุนพวงมาลัยจะมีเซนเซอร์ตรวจจับการทำงานและส่งไปยังกล่องควบคุมเพื่อให้มอเตอร์ทำงาน และผ่อนแรงพวงมาลัยให้เบาลง หากใช้ในช่วงความเร็วต่ำมากตัวพวงมาลัยจะเบามือ แต่ถ้าใช้ในความเร็วสูงกล่องควบคุมจะมีคำสั่งให้พวงมาลัยหนักขึ้นเพื่อไม่ให้หักโค้งเร็วจนเกินควบคุม เนื่องจากไม่ได้ใช้น้ำมันจึงไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันรั่วซึม แถมยังลดภาระเครื่องยนต์ แต่ความแม่นยำในการหักโค้งจะน้อยว่าระบบไฮดรอลิกแบบใช้น้ำมัน อีกทั้งเสียค่าซ่อมบำรุงแพงกว่าพวงมาลัยสองแบบแรก

ทำไมพวงมาลัยรถล็อค พวงมาลัยรถหนัก

• น้ำมันรั่ว ทำให้น้ำมันไม่พอต่อการขับเคลื่อน
• ระดับน้ำมันต่ำเกินไป ทำให้แรงขับเคลื่อนน้อยกว่าที่เคย
• ใช้น้ำมันผิดประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปลอม หรือการนำน้ำมันอะไรก็ได้มาเติม อาจส่งผลเสียในระยะยาว
• มอเตอร์เสื่อมสภาพ จนมีไฟแจ้งเตือนรูปพวงมาลัยขึ้นบนหน้าปัดรถ
• ปั๊มไฮดรอลิกเสื่อมสภาพ จนเกิดเสียงหอนดัง
• ลูกหมาก ปีกนก หรืออุปกรณ์อื่นเสื่อมสภาพ
• ลมยางอ่อน ทำให้พวงมาลัยทำงานหนักและมีโอกาสผิดพลาด หากไม่ได้ตั้งจากศูนย์รถ

ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรตรวจเช็กน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์เป็นประจำ หากพบว่าระดับน้ำมันในกระปุกลดลง ต้องเติมน้ำมันบ่อยกว่าปกติ แสดงว่าเกิดรอยรั่วในระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ ควรพารถคันโปรดของคุณไปหาผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้ควบคุมทิศทางการขับขี่ไม่ได้และอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

บทความที่น่าสนใจ

บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง Teddy Auto Sale

5 วิธีเข้าโค้งอย่างปลอดภัยตลอดการเดินทาง

4 อาการสังเกตแบตรถเสื่อม ดูได้ด้วยตัวเอง