ถึงเราจะขับขี่รถยนต์อย่างระมัดระวังแต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งรถทุกคันจะมีถุงลมนิรภัยติดตั้งไว้ตามตำแหน่งต่างๆ ของรถอยู่แล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำถุงลมว่ามีลักษณะอย่างไร ใช้งานอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณเข้าใจและมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น
ถุงลมนิรภัยคืออะไร
เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับลดอาการบาดเจ็บขณะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารอาจถึงแก่ชีวิต มีลักษณะเป็นถุงลมขนาดใหญ่คล้ายหมอนนุ่ม ประกอบด้วยวัสดุห่อหุ้มที่ยืดหยุ่นที่ทำมาจากถุงไนลอนหรือโพลีเอไมด์ ถูกออกแบบมาให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในขณะรถชนกัน ภายในบรรจุแก๊สไนโตรเจนประมาณ 60-70 ลิตร
ถุงลมนิรภัยอยู่ตรงไหนของรถบ้าง
สำหรับรถทั่วไปมีถุงลมอยู่ 2 ตำแหน่ง ถ้ารถที่มีราคาสูงขึ้นมาหน่อยก็จะมีถุงลมเพิ่มเป็น 4-8 ตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
1.ถุงลมด้านหน้า
ติดตั้งอยู่ที่โครงด้านหน้าซ้าย-ขวา ทำงานโดยมีเซ็นเซอร์จับแรงปะทะเกินค่าที่กำหนด ถุงลมจะพองตัวภายในเวลา 0.015-0.030 วินาที เพื่อรองรับศีรษะและหน้าอกไม่ให้ถูกกระแทกแรงเกินไป
2. ถุงลมด้านข้าง
ติดตั้งอยู่ที่แผงประตูหรือตัวเบาะนั่ง ทำงานโดยมีเซ็นเซอร์เดียวกับถุงลมด้านหน้า ทำหน้าที่ป้องกันการกระแทกช่วงครึ่งกลางและด้านล่างของร่างกาย
3. ม่านถุงลม
ติดตั้งอยู่ที่กระจกด้านข้างของคนขับ ทำหน้าที่ป้องกันการชนจากด้านข้างตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงขั้นรุนแรง ไม่ให้ใบหน้าและศีรษะถูกกระแทกแรงเกินไป
4. ถุงลมป้องกันเข่าและขา
ติดตั้งอยู่ใต้คอนโซลด้านคนขับบริเวณหัวเข่า ทำหน้าที่ป้องกันเข่าและขาไม่ให้ชนกับคอนโซล
5. ถุงลมที่พื้นใต้เท้า
ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นใต้เท้า ทำหน้าที่ผ่อนแรงเท้าที่จะกระแทกกับพื้น ผนังกั้นระหว่างห้องโดยสาร และห้องเครื่องให้เบาลง ปัจจุบันไม่นิยมใช้กันแล้ว
หลักการทำงานของถุงลมนิรภัย
หากเกิดอุบัติเหตุจนเกิดการกระแทกที่รุนแรงกว่ากำหนด เซ็นเซอร์ภายในรถไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์บริเวณเบาะนั่งที่ เซ็นเซอร์ตำแหน่งที่รถเชน จะตรวจจับแรงกระแทกและสั่งการให้ถุงลมนิรภัยทำงาน จากนั้นสารเคมีโซเดียมเอไซด์ในถุงลมจะสลายตัวกลายเป็นโลหะโซเดียมและแก๊สไนโตรเจนเพื่อให้ถุงลมพองตัวภายใน 0.04 วินาที หลังจากนั้นจึงยุบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้หายใจไม่ออก ทั้งนี้ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยควบคู่กันด้วยเพื่อรัดลำตัวไม่ให้กระแทกไปข้างหน้า และกระแทกกับพวงมาลัยรถ
ถึงถุงลมนิรภัยจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ก็จริงแต่การขับขี่ตามกฏจราจรจะช่วยให้คุณปลอดภัยทุกครั้งที่เดินทางอีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืมตรวจเช็กเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะใช้งานรถมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ทางที่ดีควรนำรถเข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่กำหนดหรือนำเข้าทันทีที่มีปัญหา เพื่อให้รถคันโปรดของคุณอยู่กับคุณไปอีกนานๆ นั่นเองครับ
ทำไมต้องซื้อรถนำเข้ากับ Teddy Auto Sale
Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น MPV , Mini MPV, SUV, Sedan, Sport มาพร้อมออฟชั่นครบครันจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota , Honda , Porsche , Mini , Bentley จำหน่ายในราคาสุดคุ้ม ไม่เรียกเก็บค่าแรกเข้า มีบริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการอบรมจากประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและทันสมัย มีเครือข่ายการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินครอบคลุมทั่วประเทศ บริการรับรถถึงที่ รวมถึงมีสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการถึง 4 สาขา ได้แก่
สำหรับรถ Alphard & Vellfire เทดดี้ที่เดียวในไทยที่กล้ามอบ Warranty พร้อมใบ Certificate รับรองจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบบ Hybrid สูงสุด 5 ปี / 100,000 km. กรณีมีปัญหา เราพร้อมเปลี่ยนอะไหล่ให้ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข เทดดี้ ออโต้เซลส์พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยใจ เอาใส่ใจทุกขั้นตอนราวกับคนในครอบครัว เพราะเราเชื่อว่าการมีรถดีๆ สักคันจะช่วยสร้างความสุขให้ทุกท่านได้ตลอดการเดินทาง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่