ข้อดีจากการเช็คระยะรถตามกำหนด

หลังจากใช้งานไปสักระยะ อุปกรณ์ต่างๆ ในรถอาจเกิดการเสื่อมสภาพตามเวลา ดังนั้นการตรวจเช็กระยะจึงเป็นสิ่งที่คนขับรถทุกคนควรทำเป็นประจำ ว่าแต่การตรวจเช็กมีขั้นตอนอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

เช็คระยะ

ทำไมต้องเช็คระยะรถด้วย

การเช็กระยะรถถือเป็นการบำรุงรักษารถยนต์เพื่อชะลอความเสื่อมของตัวรถหลังจากผ่านการใช้งานสักระยะหนึ่ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบและปรับเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากที่สุด การตรวจเช็กจะใช้เกณฑ์ทั้ง 2 ประเภทเพื่อวัดรอบที่ต้องนำรถมาตรวจ ได้แก่ นับจากระยะเวลา (ตั้งแต่วันที่ออกรถ) และนับจากระยะทาง (ดูจากเลขไมล์) ทั้งนี้หากรถของคุณผ่านการใช้งานที่สมบุกสมบัน ทั้งลุยถนนลูกรัง ลุยโคลนเลน หรือเป็นรถที่ใช้งานนอกเหนือจากการขับขี่ เช่น ใช้เป็นรถลาก ใช้ขับด้วยความเร็วสูงมากกว่า 2 ชม. ขึ้นไป หรือขับขึ้นที่สูงเกิน 700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อาจต้องตรวจเช็กระยะละเอียดกว่ารถทั่วไป

ข้อดีของการนำรถมาตรวจเช็คระยะตรงตามกำหนด

  • ยืดอายุการใช้งานของรถให้นานขึ้น
  • ป้องกันการสึกหรอของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องยนต์
  • ประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษา
  • เมื่อรถมีสมรรถนะสมบูรณ์ก็เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้คนขับมากขึ้น

ขั้นตอนการตรวจเช็คระยะมีอะไรบ้าง

1. ระบบเครื่องยนต์

ช่างจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ หล่อลื่นยิ้งขึ้น ส่งผลให้สึกหรอช้าลงอีกด้วย เครื่องยนต์จึงสะอาดขึ้น

  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์และไส้กรอง ภายใน 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง ภายใน 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กสายพานขับ และสายพานเครื่องยนต์ ภายใน 24 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม.
  • ควรล้างเครื่อง ภายใน 12 เดือน หรือ 20,000 กม.

ทั้งนี้ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง หากพบน้ำมันเครื่องดำ ให้นำรถเข้าศูนย์ทันที

ถ่ายน้ำมันเครื่อง

 

2. ระบบคลัตช์

  • ควรตรวจเช็กคลัตช์ ภายใน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันคลัตช์ ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กท่อรั่วซึมและสายน้ำมันคลัตช์ ภายใน 12 เดือน หรือ 10,000 กม.

3. ระบบเบรก

โดยทั่วไปผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 48,000 – 56,000 กิโลเมตร แต่หากถึงระยะตรวจ ช่างจะเช็กสภาพและความหนาของผ้าเบรก หากพบว่าผ้าเบรกหนาเพียง 3 มิลลิเมตร พบรอยรั่วที่ท่อน้ำมันเบรก หรือจานเบรกมีรอยสึก ช่างจะเปลี่ยนผ้าเบรกทันที

  • ควรตรวจเช็กส่วนของจานเบรกและผ้าเบรคหน้า ภายใน 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กส่วนของจานเบรกและผ้าเบรคหลัง ภายใน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรค ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม. เพื่อป้องน้ำมันเบรกเสื่อม ทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง

ระบบเบรกรถยนต์

4.ระบบบังคับเลี้ยว

  • ควรตรวจเช็กสายพานพวงมาลัย ภายใน 24 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัย ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

5. ระบบยางรถยนต์

  • ควรตรวจเช็กยางรถยนต์ ภายใน 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กการสลับยาง ถ่วงล้อ แรงตึงน๊อตล้อ ภายใน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กโช๊คอัพ หน้า – หลัง ภายใน 12 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กการตั้งศูนย์ล้อ ภายใน 6 เดือน หรือ 20,000 กม.

Teddy auto sale

6. ระบบส่งกำลัง

  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ธรรมดาและเฟืองท้าย ภายใน 12 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

7. ระบบตัวถังและช่วงล่าง

  • ควรอัดจารบีช่วงล่าง ภายใน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กลูกปืนล้อหน้า – หลัง ภายใน 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กยางหุ้มเพลาขับ ภายใน 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ควรตรวจเช็กยางกันฝุ่น ลูกหมาก และคันชักคันส่ง ภายใน 12 เดือน หรือ 20,000 กม.

8. ระบบจุดระเบิด

  • ควรตรวจเช็กแบตเตอรี่ ภายใน 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนหัวเทียน ควรเปลี่ยน ภายใน 48 เดือน หรือ 40,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนหัวเทียนแบบอิริเดียม ภายใน 48 เดือน หรือ 100,000 กม.

9. ระบบควบคุมไอเสีย และเชื้อเพลิง

  • ควรเปลี่ยนกรองเชื้อเพลิง (เบนซิน) ภายใน 48 เดือน หรือ 80,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนกรองอากาศ (เบนซิน) ภายใน 24 เดือน หรือ 40,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนกรองเชื้อเพลิง (ดีเซล) ภายใน 24 เดือน หรือ 15,000 กม.
  • ควรเปลี่ยนกรองอากาศ (ดีเซล) ภายใน 12 เดือน หรือ 20,000 กม.

บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน

แต่หากเกิดปัญหาขัดข้องภายในรถยนต์ เช่น เครื่องฮีท แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายในรถก็ควรพารถเข้าศูนย์ทันที หรือเกิดรสเสียกลางทาง ทางเรา Teddy Auto Sale มีบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินพร้อมบริการท่านตลอด 24 ชม. เพราะดูแลรถของท่านโดยเฉพาะ ขืนหากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์และความไม่ปลอดภัยในการขับขี่ของคนขับเองด้วย และที่สำคัญอย่าลืมตรวจเช็คระยะเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพและอยู่กับเราไปนานๆ ด้วยนะครับ

บทความที่น่าสนใจ

ดูแลแอร์รถอย่างไรให้เย็นเหมือนวันแรกที่ใช้

เลือกซื้อกล้องติดรถยังไงให้คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

ข้อควรรู้ที่ไม่ควรมองข้ามเกี่ยวกับหัวเทียนรถ

ทำไมต้องซื้อรถนำเข้ากับ Teddy Auto Sale

Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงออฟชั่นครบจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota, Honda, Porsche, Mini, Bentley

Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น MPV , Mini MPV, SUV, Sedan, Sport มาพร้อมออฟชั่นครบครันจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota , Honda , Porsche , Mini , Bentley จำหน่ายในราคาสุดคุ้ม ไม่เรียกเก็บค่าแรกเข้า มีบริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการอบรมจากประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและทันสมัย มีเครือข่ายการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินครอบคลุมทั่วประเทศ บริการรับรถถึงที่ รวมถึงมีสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการถึง 4 สาขา ได้แก่

  • สาขารามอินทรา (สำนักงานใหญ่) เบอร์โทรศัพท์ 02-971-8889
  • สาขาวิภาวดี เบอร์โทรศัพท์ 02-690-7711
  • สาขาพระราม 2 เบอร์โทรศัพท์ 02-417-1414
  • สาขาบางนา เบอร์โทรศัพท์ 02-399-1111

สำหรับรถ Alphard & Vellfire เทดดี้ที่เดียวในไทยที่กล้ามอบ Warranty พร้อมใบ Certificate รับรองจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบบ Hybrid สูงสุด 5 ปี / 100,000 km. กรณีมีปัญหา เราพร้อมเปลี่ยนอะไหล่ให้ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข เทดดี้ ออโต้เซลส์พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยใจ เอาใส่ใจทุกขั้นตอนราวกับคนในครอบครัว เพราะเราเชื่อว่าการมีรถดีๆ สักคันจะช่วยสร้างความสุขให้ทุกท่านได้ตลอดการเดินทาง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

TEDDY AUTO SALE

 TEDDYAUTOSALE

 @TEDDYAUTOSALE (ฝ่ายขาย)

 @TEDDYSERVICE (ฝ่ายศูนย์บริการ)