ถึงปัจจุบันจะมีรถ MPV วางจำหน่ายมากมาย แต่ Honda Odyssey รถรุ่นบุกเบิกแห่งยุค 90 จากฮอนด้าก็ยังคงครองตำแหน่ง 1 ในรถขวัญใจคนรักรถเอนกประสงค์หลากหลายรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง แล้วเจ้ารถรุ่นนี้มีที่มาและความน่าสนใจตรงไหนบ้าง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ
ต้นกำเนิดของ Honda Odyssey
ในช่วงปี 1990 คุณ Koichi Amemiya ประธาน American Honda Motor ต้องการพัฒนารถยนต์ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟืดเคือง จึงเร่งให้ทีมงานพัฒนารถยนต์ Minivan เพื่อรองรับตลาดอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น โดยรถรุ่นนี้ต้องมีพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ V6 ของ Honda Legend ได้ด้วย ทางฮอนด้าจึงส่ง Kunimichi Odagaki และทีมวิศวกรไปดูตลาดรถมินิแวนในสหรัฐฯ แต่เนื่องจากต้นทุนสูงจึงทำให้ผู้บริหารสั่งยกเลิกแนวคิดนี้ แต่ทางทีมวิศวกรกลับไม่ยอมแพ้และแอบพัฒนารถรุ่นนี้อย่างลับๆ และนำมาขายไอเดียให้ผู้บริหารฮอนด้าจนได้รับการอนุมัติให้พัฒนารถรุ่นนี้จนสามารถใช้อะไหล่ร่วมกับ Honda Accord ได้ด้วย โดยตัวรถถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Creative Mover จนได้ชื่อว่า Odyssey ซึ่งอ้างอิงมาจาก Odusseia บทประพันธ์มหากาพย์ของกรีกโบราณนั่นเอง
Honda odyssey มีกี่รุ่น อะไรบ้าง
ฮอนด้า โอดิสซีย์ เป็นรถ MPV ระดับพรีเมี่ยม 7 ที่นั่งที่มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึง 5 รุ่น ตั้งแต่ปี 1985 จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะหยุดทำตลาดชั่วคราวในปี 2012 ก็ตามแต่ทางฮอนด้ายังกลับมาผลิตอีกครั้งในรูปแบบรถไฮบริดในปี 2015 โอดิสซีย์ในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่
1. Generation 1
โอดิสซีย์รุ่นแรกนี้เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1995-1999 ตัวรถยาว 4,750 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,640 มม. รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับรถเก๋งทั่วไป ดีไซน์เรียบง่ายแต่ลู่ลม แต่เพิ่มเติมคือประตูบานใหญ่ด้านข้างทั้งหน้า-หลัง ทำให้ขึ้น-ลงสะดวก ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ด้านบน มีทั้งแบบ 6-7 ที่นั่ง พื้นห้องโดยสารต่ำเพื่อให้ห้องโดยสารดูสูงโปร่งขึ้น
2. Generation 2
โอดิสซีย์รุ่นที่สองผลิตตั้งแต่ปี 1999-2002 โดยต่อยอดจากรุ่นแรกตรงที่เพิ่มขนาดให้ใหญ่กว่า และด้วยความที่ราคาถูกกว่ารถ MPV แบรนด์อื่นจึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทางแบรนด์กลับมียอดขายลดลงในปี 2002 เนื่องจากพบปัญหาอุดตันทางเดินของเหลวในระบบเกียร์ทำให้เปลี่ยนเกียร์ผิดปกติ เช่น เข้าเกียร์ไม่ได้ หรือเปลี่ยนเกียร์กะทันหันจาก 5 มาเป็น 2 จนอาจเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ทำให้ทางฮอนด้าต้องพัฒนาตัวรถมาสู่รุ่นที่ 3 ในเวลาต่อมา
3. Generation 3
โอดิสซีย์รุ่นที่สามผลิตตั้งแต่ปี 2005-2010 ทางฮอนด้าได้ติดตั้งเกีร์อัตโนมัติเพิ่มทั้ง 2-4WD เพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างและระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา ในส่วนของห้องโดยสารได้มีการปรับเปลี่ยนเบาะนั่งให้ปรับได้ เพิ่มกำลังเครื่องยนต์เป็น 255 แรงม้า ทำให้โอดิสซีย์รุ่นนี้กลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้เหล่านักขับและกลายเป็นรถยอดนิยมอีกครั้ง
4. Generation 4
โอดิสซีย์รุ่นที่สี่ผลิตตั้งแต่ปี 2011-2017 ได้มีการเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ CVT เปลี่ยนเป็นเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดควันอะลูมิเนียม กันชนหน้าอะลูมิเนียม ปรับปรุงไฟตัดหมอกให้ใช้งานได้ดีขึ้น แถบไฟท้าย LED ระบบความบันเทิงภายในรถที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ, iPod, iPhone ได้ ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้นมีกล้อง LaneWatch ติดอยู่ตรงกระจกมองข้างผู้โดยสารมาพร้อมระบบตรวจสอบจุดอับ ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบเตือนห้ามออกจากเลน ทำให้โอดิสซีย์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยเป็นเยี่ยม
5. Generation 5
โอดิสซีย์รุ่นที่ห้านี้เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบเชื่อมต่อแบบแอดวานซ์ ซึ่งเชื่อมต่อทั้งระบบความบันเทิงครบครัน ประกอบด้วย
- ระบบปฏิบัติการ Display Audio รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจาก Apple CarPlay หรือ Android Auto
- ระบบ CabinWatch ช่วยให้คนขับสื่อสารกับผู้โดยสารตั้งแต่เบาะแถว 2-3 ผ่านลำโพงของแต่ละตำแหน่งหรือผ่านเฮดโฟนของระบบอินโฟเทนเมนท์ทางด้านหลังก็ได้เช่นกัน
- ระบบ CabinControl เป็นระบบสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมระบบ Rear Entertainment System, ปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องโดยสาร, เซ็ตจุดหมายบนแผนที่เพื่อส่งไปยังระบบนำทางหลัก
- ระบบ Social Play List เพื่อสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนตัวได้สูงสุด 8 คน ทั้งนี้สามารถอัพโหลดเพลงเข้าระบบเครื่องเสียงหลักผ่านสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัยภายในรถที่จัดหนักจัดเต็มกว่าเดิม ประกอบด้วย
- เครื่องยนต์ผลิตจากเหล็ก Ultra-high-strength steel, อลูมิเนียม และแมกนีเซียม สามารถรับแรงบิดตัวได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 44% ทำให้น้ำหนักตัวรถลดลงเฉลี่ย 43 กก.
- พวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ Dual-Pinion Electric Power Steering ช่วยให้คนขับควบคุมพวงมาลัยง่ายขึ้น
และนี่ก็คือพัฒนาการของฮอนด้า โอดิสซีย์ที่ใครหลายคนต่างพากันบอกต่อถึงสมรรถนะที่คุณค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป สำหรับใครที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติม ทางเรา Teddy Auto Sale ยินดีให้บริการตลอด 24 ชม. ผ่านช่องทางต่างๆ หรือจะมาดูรถด้วยตัวเองที่ศูนย์ของเราก็ได้เช่นกัน หรือถ้าใครสนใจรถนำเข้าแบรนด์อื่น ทางเรามีรถหลากหลายแบรนด์ให้ท่านเลือกมากมายพร้อมทั้งศูนย์บริการทั้ง 4 สาขา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ท่านได้รับความสุขมากที่สุดในการเลือกซื้อรถนำเข้าชั้นนำจากเราครับ
บทความที่น่าสนใจ
ข้อดี-ข้อเสียที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรถไฮบริด
รถครอบครัว 7 ที่นั่ง มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้างในปี 2565
Toyota Alphard Hybrid กับ 6 ข้อดีที่คุณควรรู้
ทำไมต้องซื้อรถนำเข้ากับ Teddy Auto Sale
Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น MPV , Mini MPV, SUV, Sedan, Sport มาพร้อมออฟชั่นครบครันจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota , Honda , Porsche , Mini , Bentley จำหน่ายในราคาสุดคุ้ม ไม่เรียกเก็บค่าแรกเข้า มีบริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการอบรมจากประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและทันสมัย มีเครือข่ายการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินครอบคลุมทั่วประเทศ บริการรับรถถึงที่ รวมถึงมีสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการถึง 4 สาขา ได้แก่
สำหรับรถ Alphard & Vellfire เทดดี้ที่เดียวในไทยที่กล้ามอบ Warranty พร้อมใบ Certificate รับรองจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบบ Hybrid สูงสุด 5 ปี / 100,000 km. กรณีมีปัญหา เราพร้อมเปลี่ยนอะไหล่ให้ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข เทดดี้ ออโต้เซลส์พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยใจ เอาใส่ใจทุกขั้นตอนราวกับคนในครอบครัว เพราะเราเชื่อว่าการมีรถดีๆ สักคันจะช่วยสร้างความสุขให้ทุกท่านได้ตลอดการเดินทาง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่