รวมปัญหารถจากผู้ใช้จริงที่ถึงขั้นต้องกุมขมับ

หลายคนที่ใช้งานรถทุกวันอาจพบเจอปัญหาต่างๆ ที่เห็นแล้วต้องส่ายหน้าหนีกันเลยทีเดียว วันนี้เราได้รวมเหล่าปัญหารถที่ใครๆ ก็เจอ พร้อมวิธีแก้มาฝากคนรักรถทุกท่านด้วยครับ ว่าแต่จะมีอะไรบ้างมาอ่านกันเลย

ปัญหารถ

ปัญหารถที่ใครหลายคนต้องเจอมีอะไรบ้าง

1. เครื่องฮีท

เป็นอาการที่รถมีความร้อนผิดปกติ อาจเกิดจากวาล์วน้ำไม่ทำงาน, ท่อยางหม้อน้ำแตก หรือฝาหม้อน้ำเสื่อม หากหม้อน้ำพัง หรือฝาสูบโก่งอาจทำให้รถใช้งานต่อไม่ได้ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองโดยดูจากเข็มความร้อน หากความร้อนขึ้นสูงให้รีบหาที่จอดรถทันที ไม่ควรฝืนขับต่อ

วิธีแก้: เปิดฝากระโปรงหน้ารถออกอย่างระมัดระวังห้ามเปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาด เพราะน้ำในหม้อน้ำอาจร้อนจนพุ่งขึ้นลวกตามตัว และห้ามเติม หรือสาดน้ำใส่เข้าไปทั้งที่เครื่องยังร้อนอยู่ เพราะจะทำให้ฝาสูบโก่งหรือแตกได้ รอประมาณ 15-30 นาที จนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลงแล้วจึงเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อระบายแรงดันในหม้อน้ำออก จากนั้นจึงสตาร์ทรถ หากรถอาการดีขึ้นแล้วรีบนำรถเข้าศูนย์ให้ช่างดูแลต่อทันที

2. แบตเตอรี่หมด

ระบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์

เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1 – 2 ปี หากวันหนึ่งกำลังจะเดินทางแต่ดันสตาร์ทรถติดยากหลังจากจอดรถทิ้งไว้ชั่วคราว หรือสตาร์ทติดยากหลังจากจอดรถทิ้งไว้ 3-5 วัน แสดงว่าแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งานแล้วแน่นอน อาจสังเกตได้จากสัญญาณไฟรูปเครื่องยนต์โชว์ขึ้นบนหน้าปัด

วิธีแก้: กรณีฉุกเฉินควรให้ผู้ใช้รถคันอื่นช่วยเหลือด้วยการพ่วงแบตเตอรี่ ด้วยวิธีการดังนี้

  • ดับเครื่องยนต์ และหันฝากระโปรงหน้าให้ใกล้กันมากที่สุด จากนั้นหนีบสายพ่วงแบตขั้ว + (สีแดง) เข้ากับขั้ว + ของคันที่แบตหมด จากนั้นนำสายอีกฝั่งหนีบที่ขั้ว + ของรถคันที่มาพ่วงแบต
  • หนีบสายพ่วงแบตขั้ว – (สีดำ) เข้ากับขั้ว – ของรถคันที่มาพ่วงแบต ส่วนสายพ่วงอีกฝากนำไปหนีบตัวถังของรถที่แบตหมด
  • สตาร์ทรถคันที่มาพ่วงแบตไว้ประมาณ 2-3 นาที ระหว่างนี้ลองเร่งเครื่องเป็นระยะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนประจุไฟฟ้า
  • หากสตาร์ทติดแล้วให้ถอดสายพ่วงแบตออก โดยถอดจากคันที่แบตรถหมดก่อน
  • สตาร์ทรถทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชม. จากนั้นจึงใช้งานรถตามปกติ

3. รถสตาร์ทติดยาก

สตาร์ทรถ

นอกจากจะเกิดจากแบตเตอรี่รถเสื่อมตามอายุการใช้งานแล้ว ยังเกิดจากไดชาร์จเสื่อมเนื่องจากไดร์ชาร์จจะสร้างกระแสไฟฟ้าขณะที่รถทำงาน เมื่อไดชาร์จเสื่อมจึงไม่สามารถจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่ และทำให้รถสตาร์ทไม่ติด สังเกตจากอาการเครื่องยนต์ดับทันทีขณะขับขี่ หรือหากสตาร์ทรถทิ้งไว้แล้วสักพักแล้วรถเกิดกระตุกหรือดับขึ้นมา

นอกจากนี้ยังเกิดจากมอเตอร์สตาร์ท ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการขับรถลุยน้ำท่วม จนน้ำเข้าไปในไดสตาร์ท รวมถึงพฤติกรรมการสตาร์ทรถโดยบิดกุญแจค้างไว้และแปรงถ่านหมด ส่งผลให้ไดสตาร์ทไหม้อีกด้วย

วิธีแก้: ใช้วิธีแก้เช่นเดียวกับปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม นั่นก็คือการพ่วงแบตเตอรี่

4. น้ำมันรั่ว

เกิดจากขอบยางเสื่อมสภาพจากรถที่มีอายุการใช้งานนาน สังเกตได้จากน้ำมันรั่วใต้ท้องรถด้านซ้าย เกิดจากน้ำมันเกียร์หรืออ่างน้ำมันเกียร์รั่ว แต่หากพบน้ำมันรั่วใต้ท้องรถด้านขวา เกิดจากซีลอ่างน้ำมันเครื่องเสื่อม หรือแหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องขาด หรืออาจเกิดจากเหตุสุดวิสัยจนไปกระแทกกับใต้ท้องรถและมีรอยครูด รวมถึงการดัดแปลงเครื่องยนต์และขันน็อตไม่แน่นพอด้วย

วิธีแก้: รีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจรอยรั่วทันที หากน้ำมันรั่วก็ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสชิ้นส่วนนั้นๆ แต่หากมีอาการน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว แนะนำให้ดับเครื่องยนต์ทันที เพราะอาจเกิดประกายไฟและไฟไหม้รถในที่สุด

5. ยางแบน

ล้อรถ

เกิดจากล้อรถไปเหยีบบกับของมีคม เช่น ตะปู เศษแก้ว หรือสิ่งของตกหล่นบนท้องถนนโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว รวมถึงยางรถมีอายุการใช้งานเกินกำหนด ทำให้ขอบยางอ่อนตัวลงและยางรั่ว จนอาจต้องเติมลมยางบ่อยขึ้น สังเกตจากการเติมลมยางบ่อยกว่าปกติ หรืออาการเสียสมดุลหากพวงมาลัยเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งระหว่างขับขี่ซึ่งจะเอียงไปทางที่ยางรั่ว จนคนขับรู้สึกได้ถึงความหน่วงผิดปกติของรถ

วิธีแก้: มีตั้งแต่การปะยาง, เติมลมยาง, เติมลมยางไนโตรเจน รวมถึงเปลี่ยนยางรถ หรืออาจจะตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อ ทั้งนี้ไม่ควรฝืนขับไปต่อหากยางยังไม่ได้รับการแก้ไข

6. มีกลิ่นแปลกๆ ในรถ

กลิ่น

กลิ่นที่พบส่วนใหญ่มีกลิ่นที่แตกต่างกันซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

  • กลิ่นน้ำมันเบนซิน อาจเกิดจากหัวฉีด, สายน้ำมัน หรือถังน้ำมันรั่วซึมจนอาจทำให้ไฟไหม้รถได้
  • กลิ่นเหม็นไหม้ อาจเกิดจากยางรถ, ท่อยาง หรือสายพานมีปัญหา ดังนั้นควรจอดพักเครื่องยนต์ทันที แล้วรอให้เครื่องเย็นและเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจเช็ก
  • กลิ่นไข่เน่า เกิดจากท่อคาทาไลติกคอนเวอร์เตอร์ชำรุด
  • กลิ่นพรมไหม้ เกิดจากผ้าเบรกมีปัญหา
  • กลิ่นน้ำมันร้อน เกิดจากน้ำมันรั่วออกจากท่อไอเสีย

วิธีแก้: ควรรีบติดต่อศูนย์เพื่อนำรถไปซ่อมโดยด่วน เนื่องจากปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้เอง เพราะอาจอันตรายจากวิธีแก้ผิดวิธี

7. แอร์ไม่เย็น

แอร์รถ

หากสตาร์ทรถมาสักพักแต่แอร์ก็ยังไม่เย็นสักที อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำยาแอร์หมด, ตู้แอร์รั่ว,ชุดวาล์ว และดรายเออร์เสื่อมสภาพ, คลัตซ์ลื่น, แผงคอยล์ร้อน, สายพานคอมเพรสแอร์หย่อน, ลูกสูบในคอมเพรสเซอร์หลวม, เลือกใช้น้ำยาแอร์ผิดประเภท หรือแม้แต่ลืมกดปุ่ม A/C ที่แผงควบคุมแอร์

วิธีแก้: สตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกับเปิดน้ำยาแอร์และความเร็วพัดลมระดับสูงสุด หลังจากได้อากาศเย็นตามต้องการแล้วให้ลดน้ำยาและความเร็วของพัดลมจนห้องโดยสารคงที่ หรือเปิดกระจกทุกบานก่อนเปิดแอร์ (กรณีที่จอดในที่แจ้ง) เพื่อระบายอากาศภายในห้องโดยสารแล้วค่อยเปิดแอร์ จนอากาศในห้องโดยสารเย็นเร็วขึ้น

8. ช่วงล่างแข็งกระด้าง

ปัญหา

เกิดจากโช๊คอัพมีปัญหา อาจเกิดจากน้ำมันรั่วจนสูญเสียความหนืดและทำให้รถไม่ดูดซับแรงกระแทก หรือโช๊คอัพตายซึ่งเกิดจากการขับผ่านลูกระนาดหนา หรือขึ้น-ลงคอสะพาน จนทำให้วาล์วเสีย เมื่อขับไปสักพักจะสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกระหว่างรถกับพื้นถนน

วิธีแก้: เซ็ตอัพตัวโช๊คอัพ เพื่อไม่ให้เกิดการสะเทือนมายังห้องโดยสาร นอกจากนี้สามารถดัดแหนบหรือรีแคมเบอร์ เพื่อให้ช่วงล่างรองรับแรงกระแทกจากภายนอกรถ รวมถึงตรวจเช็กสภาพช่วงล่าง ได้แก่ การเช็กลมยางรถ หมั่นสังเกตและทดสอบความผิดปกติของช่วงล่างรถ ทั้งความเสื่อมของตัวลูกหมาก การฟังเสียงผิดปกติขณะขับรถ และเช็กความเรียบร้อยของตัวรถก่อนขับขี่ทุกครั้ง

และที่สำคัญควรตรวจเช็กรถเป็นประจำเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขึ้นเขามากขึ้น แต่ถ้าหากคุณซื้อรถจาก Teddy Auto Sale แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันจากอุบัติเหตุ หรือปัญหารถอื่นๆ ก็ตาม สามารถติดต่อขอรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงจากเราได้ทันที หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม กดอ่านได้ที่นี่ครับเลย

บทความที่น่าสนใจ

ขับรถขึ้นเขาอย่างไรให้ปลอดภัยทุกครั้ง

เกียร์ออโต้กระตุกเกิดจากอะไร มีวิธีแก้เองได้มั้ย

ไฟเครื่องยนต์โชว์เกิดจากอะไร แก้ได้เองมั้ย มาดูกันเลย

ทำไมต้องซื้อรถนำเข้ากับ Teddy Auto Sale

Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงออฟชั่นครบจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota, Honda, Porsche, Mini, Bentley

Teddy Auto Sale ศูนย์นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น MPV , Mini MPV, SUV, Sedan, Sport มาพร้อมออฟชั่นครบครันจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Toyota , Honda , Porsche , Mini , Bentley จำหน่ายในราคาสุดคุ้ม ไม่เรียกเก็บค่าแรกเข้า มีบริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการอบรมจากประเทศญี่ปุ่น มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและทันสมัย มีเครือข่ายการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินครอบคลุมทั่วประเทศ บริการรับรถถึงที่ รวมถึงมีสาขาให้ท่านเลือกใช้บริการถึง 4 สาขา ได้แก่

  • สาขารามอินทรา (สำนักงานใหญ่) เบอร์โทรศัพท์ 02-971-8889
  • สาขาวิภาวดี เบอร์โทรศัพท์ 02-690-7711
  • สาขาพระราม 2 เบอร์โทรศัพท์ 02-417-1414
  • สาขาบางนา เบอร์โทรศัพท์ 02-399-1111

สำหรับรถ Alphard & Vellfire เทดดี้ที่เดียวในไทยที่กล้ามอบ Warranty พร้อมใบ Certificate รับรองจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบบ Hybrid สูงสุด 5 ปี / 100,000 km. กรณีมีปัญหา เราพร้อมเปลี่ยนอะไหล่ให้ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข เทดดี้ ออโต้เซลส์พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยใจ เอาใส่ใจทุกขั้นตอนราวกับคนในครอบครัว เพราะเราเชื่อว่าการมีรถดีๆ สักคันจะช่วยสร้างความสุขให้ทุกท่านได้ตลอดการเดินทาง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

TEDDY AUTO SALE

 TEDDYAUTOSALE

 @TEDDYAUTOSALE (ฝ่ายขาย)

 @TEDDYSERVICE (ฝ่ายศูนย์บริการ)